ซีลยางบัตเตอร์ฟลายวาล์ว

ซีลยางบัตเตอร์ฟลายวาล์ว (Rubber Seal for Butterfly Valve) เป็นซีลยางที่ใช้ในการปิดผนึก (sealing) ในบัตเตอร์ฟลายวาล์ว (Butterfly Valve) ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ควบคุมการไหลของของเหลวหรือก๊าซในระบบท่อ โดยการหมุนของใบวาล์ว (disc) ที่อยู่ภายใน เพื่อเปิดหรือปิดช่องทางการไหลของสื่อ ซีลยางที่ใช้ในบัตเตอร์ฟลายวาล์วมีความสำคัญในการป้องกันการรั่วซึมของของเหลวหรือก๊าซ และช่วยให้วาล์วทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ซีลยางบัตเตอร์ฟลายวาล์ว (Butterfly Valve Seal) คือ ซีลยางที่ใช้ใน บัตเตอร์ฟลายวาล์ว ซึ่งเป็นประเภทของวาล์วที่มีการควบคุมการไหลของของเหลวหรือก๊าซโดยการหมุนของแผ่นปีก (disc) ในรูปแบบของ “ปีกผีเสื้อ” ซึ่งมีลักษณะการหมุนที่สามารถเปิดหรือปิดช่องทางการไหลได้

หลักการทำงานของซีลยางบัตเตอร์ฟลายวาล์ว เกี่ยวข้องกับการทำหน้าที่ปิดผนึกการไหลของของเหลวหรือก๊าซในระบบ โดยใช้แผ่นปีกที่หมุนได้ ซึ่งมาพร้อมกับ ซีลยาง ที่อยู่รอบๆ เพื่อป้องกันการรั่วซึมเมื่อวาล์วเปิดหรือปิด

ขั้นตอนการทำงานหลักๆ ของซีลยางบัตเตอร์ฟลายวาล์ว มีดังนี้

  1. การหมุนของแผ่นปีก (Disc):
    • บัตเตอร์ฟลายวาล์วประกอบด้วยแผ่นปีก (หรือ “Disc”) ที่สามารถหมุนรอบเพลาในลักษณะของวงกลม เมื่อแผ่นปีกหมุนในทิศทางที่กำหนด (โดยการหมุนเพลา) มันจะควบคุมการเปิดหรือปิดช่องทางการไหลของของเหลวหรือก๊าซ
  2. ซีลยางทำหน้าที่ปิดผนึก:
    • ซีลยาง ซึ่งจะถูกติดตั้งรอบๆ ขอบของแผ่นปีกทำหน้าที่ปิดผนึกเมื่อแผ่นปีกหมุนไปจนถึงตำแหน่งปิด (เช่น เมื่อวาล์วอยู่ในสถานะปิด)
    • ซีลยางจะสัมผัสกับตัวบอดี้ของวาล์วและแผ่นปีกเพื่อป้องกันการรั่วซึมของของเหลวหรือก๊าซผ่านช่องทางที่ไม่ต้องการ
  3. การป้องกันการรั่วซึม:
    • เมื่อ วาล์วเปิด (แผ่นปีกหมุนในทิศทางที่ทำให้ช่องทางการไหลเปิด), ซีลยางจะไม่สัมผัสกับผิวแผ่นปีกมากนัก เนื่องจากซีลจะไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่ต้องการการปิดผนึก
    • เมื่อ วาล์วปิด (แผ่นปีกหมุนไปปิดช่องทางการไหล), ซีลยางจะถูกบีบให้สัมผัสกับแผ่นปีกและตัวบอดี้ของวาล์ว ซึ่งทำให้การรั่วซึมของของเหลวหรือก๊าซหยุดลง
  4. การใช้งานซีลยาง:
    • ซีลยางจะช่วยให้การทำงานของบัตเตอร์ฟลายวาล์วมีประสิทธิภาพ โดยการป้องกันไม่ให้ของเหลวหรือก๊าซไหลออกจากระบบที่ไม่ต้องการ
    • ซีลจะต้องมีความยืดหยุ่นพอสมควรเพื่อให้สามารถรองรับแรงดันที่เปลี่ยนแปลงได้ในระหว่างการเปิด-ปิดวาล์ว
  5. การทนทานและการเสื่อมสภาพ:
    • ซีลยางในบัตเตอร์ฟลายวาล์วมักจะทำจากวัสดุที่ทนทานต่อสารเคมีและอุณหภูมิ เช่น EPDM, NBR, หรือ Viton ขึ้นอยู่กับประเภทของการใช้งาน (น้ำ, น้ำมัน, หรือสารเคมี) โดยซีลเหล่านี้ต้องมีความทนทานต่อการเสื่อมสภาพจากการใช้งานระยะยาวและการสัมผัสกับสภาพแวดล้อมต่างๆ

เมื่อบัตเตอร์ฟลายวาล์วทำงาน ซีลยางจะทำหน้าที่ป้องกันการรั่วซึมของของเหลวหรือก๊าซเมื่อวาล์วถูกปิด โดยการสัมผัสระหว่างซีลยางกับแผ่นปีกและตัวบอดี้ของวาล์ว ซีลยางที่มีความยืดหยุ่นและทนทานจะช่วยให้การทำงานของวาล์วมีประสิทธิภาพสูงและยืดอายุการใช้งานของระบบ

 

คุณสมบัติของซีลยางบัตเตอร์ฟลายวาล์วที่ดีจะช่วยให้การทำงานของวาล์วมีประสิทธิภาพ ป้องกันการรั่วซึม และทนทานในสภาพแวดล้อมต่างๆ

คุณสมบัติที่สำคัญของซีลยางที่ใช้ในบัตเตอร์ฟลายวาล์ว

1. การป้องกันการรั่วซึม (Leakage Resistance)

  • ซีลยางบัตเตอร์ฟลายวาล์วต้องสามารถป้องกันการรั่วซึมของของเหลวหรือก๊าซในระบบได้ดีเมื่อวาล์วอยู่ในสถานะปิด
  • ซีลยางจะต้องแนบสนิทกับแผ่นปีก (disc) และตัวบอดี้ของวาล์วเพื่อให้สามารถปิดผนึกได้อย่างมีประสิทธิภาพและไม่ให้ของเหลวหรือก๊าซรั่วไหล

2. ความยืดหยุ่นสูง (High Flexibility)

  • ซีลยางในบัตเตอร์ฟลายวาล์วต้องมีความยืดหยุ่นที่สูง เพื่อให้สามารถปรับตัวตามการหมุนของแผ่นปีกและสามารถคืนรูปได้เมื่อได้รับแรงดันจากของเหลวหรือก๊าซที่ไหลผ่าน
  • ความยืดหยุ่นนี้ช่วยให้การปิดผนึกในแต่ละรอบของการใช้งานมีประสิทธิภาพ

3. ทนทานต่อสารเคมี (Chemical Resistance)

  • ซีลยางต้องมีความทนทานต่อสารเคมีที่อาจสัมผัสได้ในระบบ เช่น กรด, เบส, น้ำมัน, หรือสารเคมีอื่นๆ ขึ้นอยู่กับการใช้งาน
  • ซีลที่ทนทานต่อสารเคมีเช่น EPDM, NBR, หรือ Viton จะช่วยให้วาล์วสามารถใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีการสัมผัสกับสารเคมีโดยไม่เสื่อมสภาพเร็วเกินไป

4. ทนทานต่ออุณหภูมิสูงและต่ำ (Temperature Resistance)

  • ซีลยางที่ใช้ในบัตเตอร์ฟลายวาล์วต้องทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิในช่วงที่กว้าง ทั้งในอุณหภูมิสูงและต่ำ
  • สำหรับงานที่มีการทำงานในอุณหภูมิสูง ควรเลือกซีลยางที่ทนทานต่อความร้อน เช่น Viton หรือ ซิลิโคน
  • สำหรับงานที่มีการทำงานในอุณหภูมิที่ต่ำ ซีลยางต้องสามารถรักษาความยืดหยุ่นได้ดี เช่น EPDM หรือ NBR

5. ทนต่อการเสื่อมสภาพจากการสัมผัสกับโอโซนและแสง UV (Ozone & UV Resistance)

  • ซีลยางบัตเตอร์ฟลายวาล์วที่ดีควรทนทานต่อการเสื่อมสภาพจากแสง UV และโอโซน เนื่องจากแสงแดดและสภาพอากาศอาจทำให้วัสดุยางเสื่อมสภาพ
  • วัสดุที่มีคุณสมบัตินี้ เช่น EPDM มักใช้ในที่กลางแจ้งหรือในสภาพแวดล้อมที่มีการสัมผัสกับแสงแดด

6. ทนทานต่อการขัดสีและการสึกหรอ (Abrasion Resistance)

  • ในบางระบบที่มีการไหลของของเหลวที่มีความเร็วสูงหรือมีการกระแทก ซีลยางต้องมีความทนทานต่อการขัดสีและการสึกหรอเพื่อยืดอายุการใช้งาน
  • วัสดุยางที่มีคุณสมบัตินี้มักใช้ในงานที่มีการไหลของของเหลวที่มีการเคลื่อนที่หรือความเร็วสูง

7. การป้องกันเสียง (Noise Reduction)

  • ซีลยางช่วยให้การทำงานของบัตเตอร์ฟลายวาล์วเป็นไปอย่างเงียบ โดยป้องกันการสั่นสะเทือนและเสียงจากการหมุนของแผ่นปีก
  • การลดเสียงช่วยให้การใช้งานในอุตสาหกรรมที่มีสภาพแวดล้อมที่ต้องการความเงียบสงบมีประสิทธิภาพมากขึ้น

8. อายุการใช้งานยาวนาน (Long Service Life)

  • ซีลยางที่ใช้ในบัตเตอร์ฟลายวาล์วต้องมีความทนทานและยืดอายุการใช้งานในระยะยาว ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนในการบำรุงรักษาและการเปลี่ยนชิ้นส่วน
  • วัสดุยางที่มีคุณภาพดีจะช่วยให้การใช้งานในระบบต่างๆ ที่มีการควบคุมแรงดันหรือของเหลวที่หลากหลายมีประสิทธิภาพตลอดระยะเวลานาน

9. การบำรุงรักษาต่ำ (Low Maintenance)

  • ซีลยางในบัตเตอร์ฟลายวาล์วมักได้รับการออกแบบให้มีความทนทานต่อการใช้งานในระยะยาวและสามารถใช้งานได้โดยไม่จำเป็นต้องบำรุงรักษาบ่อยๆ
  • ซีลที่มีคุณภาพสูงจะช่วยให้การบำรุงรักษาต่ำและช่วยลดเวลาในการหยุดการทำงานของระบบ

ซีลยางบัตเตอร์ฟลายวาล์ว มีคุณสมบัติที่สำคัญในการรักษาการปิดผนึกของระบบไม่ให้เกิดการรั่วซึม ช่วยให้การไหลของของเหลวหรือก๊าซในระบบเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย นอกจากนี้ยังต้องทนทานต่อสารเคมี, อุณหภูมิที่หลากหลาย, โอโซน, แสง UV, การขัดสี และการสึกหรอ เพื่อให้สามารถทำงานได้ในระยะยาวโดยไม่เสียหาย

 

การเปลี่ยน ซีลยางบัตเตอร์ฟลายวาล์ว เป็นงานที่ต้องทำด้วยความระมัดระวังเพื่อให้การปิดผนึกมีประสิทธิภาพ และระบบทำงานได้ตามปกติ

ขั้นตอนการเปลี่ยน ซีลยางบัตเตอร์ฟลายวาล์ว ดังนี้

1. ปิดระบบและระบายแรงดัน

  • ก่อนเริ่มการเปลี่ยนซีลยาง ควรปิดวาล์วทั้งหมดในระบบและระบายแรงดันในท่อหรือช่องทางการไหลที่เชื่อมต่อกับบัตเตอร์ฟลายวาล์วให้หมด เพื่อป้องกันอันตรายจากการรั่วไหลของของเหลวหรือก๊าซ
  • ตรวจสอบให้มั่นใจว่าไม่มีการไหลของของเหลวหรือก๊าซในท่อก่อนที่จะเริ่มการทำงาน

2. ถอดวาล์วออกจากระบบ

  • ใช้เครื่องมือเหมาะสม (เช่น ประแจ, เครื่องมือขันน็อต) เพื่อถอดบัตเตอร์ฟลายวาล์วออกจากท่อหรือระบบที่เชื่อมต่อ
  • ต้องระมัดระวังในการถอดเพื่อไม่ให้วาล์วหรือท่อเสียหายขณะถอด

3. ถอดซีลยางเก่า

  • เมื่อบัตเตอร์ฟลายวาล์วถูกถอดออกแล้ว ให้ตรวจสอบซีลยางเดิมที่ติดอยู่บริเวณขอบของแผ่นปีก (disc) หรือรอบตัวบอดี้ของวาล์ว
  • ใช้เครื่องมือที่เหมาะสมในการดึงหรือถอดซีลยางเก่าออกจากช่องติดตั้ง โดยระวังไม่ให้ทำลายขอบที่ติดตั้งซีล
  • ทำความสะอาดบริเวณที่ติดตั้งซีลให้สะอาดจากคราบสิ่งสกปรกหรือคราบของเหลวที่อาจตกค้าง

4. ติดตั้งซีลยางใหม่

  • เลือกใช้ซีลยางที่เหมาะสมกับการใช้งาน เช่น EPDM, NBR, หรือ Viton ขึ้นอยู่กับประเภทของระบบและของเหลวที่ไหลผ่าน
  • ก่อนติดตั้งซีลยางใหม่ ให้ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีความเสียหายหรือการบิดเบี้ยวที่ซีลยาง และตรวจสอบให้แน่ใจว่าเป็นขนาดที่เหมาะสมกับบัตเตอร์ฟลายวาล์ว
  • ติดตั้งซีลยางใหม่ในตำแหน่งที่เหมาะสม โดยต้องใส่ให้พอดีและเรียบร้อย โดยไม่ให้ซีลยางบิดหรือมีช่องว่างระหว่างซีลกับตัววาล์ว

5. ตรวจสอบการติดตั้ง

  • ตรวจสอบให้แน่ใจว่า ซีลยาง ติดตั้งอย่างถูกต้องและแน่นหนา ไม่มีการยับหรือบิดเบี้ยวที่ซีลยาง
  • หากซีลยางมีการติดตั้งหลายชั้น (เช่น ซีลหลายชั้นหรือซีลยางที่ใช้คู่กับวัสดุอื่นๆ) ต้องมั่นใจว่าแต่ละชั้นวางอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง

6. ติดตั้งบัตเตอร์ฟลายวาล์วกลับเข้าไปในระบบ

  • ติดตั้งบัตเตอร์ฟลายวาล์วกลับเข้าไปในท่อหรือระบบที่เชื่อมต่อและขันน็อตให้แน่นตามคำแนะนำของผู้ผลิต
  • ระวังการขันน็อตไม่ให้แน่นเกินไป เพราะอาจทำให้ตัววาล์วเสียหายหรือซีลยางเกิดการเสียหาย

7. ทดสอบการทำงานของวาล์ว

  • เปิดระบบและทดสอบการทำงานของบัตเตอร์ฟลายวาล์วในสถานะต่างๆ (เปิดและปิด) เพื่อให้แน่ใจว่าซีลยางใหม่ทำงานได้อย่างถูกต้อง
  • ตรวจสอบการรั่วซึมของของเหลวหรือก๊าซจากบริเวณที่ซีลยางติดตั้ง และตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีการรั่วไหลในขณะทำงาน

8. ตรวจสอบและบำรุงรักษา

  • ควรตรวจสอบสภาพการทำงานของซีลยางและวาล์วในช่วงแรกหลังการติดตั้งเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีการรั่วซึมและการทำงานของระบบเป็นปกติ
  • การบำรุงรักษาตามระยะเวลาหรือการตรวจสอบประสิทธิภาพการทำงานของซีลยางควรทำอย่างสม่ำเสมอ

การเปลี่ยนซีลยางบัตเตอร์ฟลายวาล์วต้องทำด้วยความระมัดระวัง โดยเริ่มจากการปิดระบบและถอดวาล์วออกจากท่อ แล้วเปลี่ยนซีลยางให้เรียบร้อย หลังจากนั้นให้ติดตั้งวาล์วกลับไปและทดสอบการทำงานของระบบเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีการรั่วซึม และระบบทำงานได้ตามปกติ